หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

“กวีแก้ว กวีขวัญ”






~"กวีขวัญ?"~



เธอมากับแสงเพ็ญเช่นอัปสร
เริงเล่นกลอนสวรรค์แล้วพลันหาย
กลืนร่างสู่รัตติกาลหลังรำบาย-
คำละลายใจคนบนลานกลอน

๐ แหวกมาจากมิติที่ล้ำลึก
มิตรยามดึกเพื่อนขวัญบรรณสรณ์
แต้มละคำล้ำพจน์รสสุนทร
ทิพย์เปียกปอนซ่อนวางอย่างจับใจ

๐ มีรูปร่างตัวตนคนหรือเปล่า
หรือเพียงเงาผสมทิพย์พรมไหว
แอบมาร่ายอักษรอ้อนผู้ใด
ถอดฤทัยขับขานกานท์เทวัญ


๐ หรือว่าดาวดวงใดที่พรายแสง
ร่วงสู่แหล่งกวินถิ่นคนฝัน
แล้วกลายร่างเป็นเธอเลิศเลอครัน
จารรังสรรค์คำฟ้าคร่าใจชน

๐ ยามราตรีจันทร์เยือนฝันเคลื่อนคล้อย
ดาวใหญ่น้อยเด่นคว้างกลางเวหน
อักษรากำจายฉายสุคนธ์
ใครหลงยลได้พิศติดรสกานท์

๐ เธอมากับราตรีกวีขวัญ
มาเรียงร้อยรำพันกลั่นกลอนหวาน
พอใกล้สางอัศจรรย์อันตรธาน
ฤาวิมานเรียกรับเธอกลับไป..

ระนาดเอก


อายแบบน่ารัก






 “กวีแก้ว กวีขวัญ”


เสียงแซ่ซ้องรับกานท์หวานสดับ
เพลงกวินขานขับภาพหลงใหล
ดั่งต้องมนตร์คนธรรพ์นั่นอย่างไร
ทั้งอัปสรองค์ใดร่ายเพลงพิณ

เสนาะโสตสำเนียงเสียงสวรรค์
พจน์จำนรรจ์วาจาพาถวิล
เอกน้ำหนึ่งประพันธ์หวานผ่านจินต์
เฉกองค์อินทร์รินร่ายให้จินตนา

ฟ้าราตรีแห่งกานท์ลานอักษร
ประดับแสงจันทรอ้อนภาษา
เสกเสน่ห์สุนทรร่อนมายา
เมื่อเทวาสนุกสุขเย้าคำ

จากคนดินหลงใหลในอัปสร
อรชรร่ายกานท์อันดื่มด่ำ
ทิพย์ประพจน์รินสายดั่งร่ายรำ
โปรยกลิ่นร่ำราตรีศรีศิลป์กานท์

เพรียกสำเนียงแลค้นคนลึกลับ
สวรรค์กลับเรียกองค์ผู้ส่งสาส์น
หวนสู่เมืองสวรรค์ชั้นวิมาน
ทิ้งรสหวานรำบายในลานกลอน

ให้คนดินยินยลกมลศิลป์
คู่แก้วขวัญองค์อินทร์,พิณอัปสร
สิ้นราตรี ทิวาเคลื่อนฟ้าจร
ลานคำคลอนคู่กวินผินลับลา

"คนดินหวังยินกานท์...มะสะแปค่ะ"   ยิ้มหน้าใส
25/10/2010





“ กวีขวัญ – ขวัญกวี ”


ลานคำคลอนคู่กวินผินลับผัน
เหลือเพียงลาน สุริยัน อันเจิดจ้า
ขับลำนำ คำหวาน ส่องผ่านมา
สู่นักรัก อักษรา ภาษากลอน

ถึงเทพี กวีขวัญ  นั้นลาส่ง
บุษบง คงหมาย ฉายอักษร
ให้คงมั่น ขวัญกวี ศรีนิกร
กลั่นสุนทร ถ้อยพจน์ รจริน

เป็นภาพวางสร้างไว้ในดวงจิต
ฉายนิมิต คิดล่วง ห่วงถวิล
บรรจงดัด คัด-เกลา เคล้าดวงจินต์
เป็นบทศิลป์ ปิ่นมณี ระวียาม

ให้ไพเราะ เสนาะเนื้อ เจือนวลนิ่ม
ปานนางยิ้ม พริ้มพราย ฉายดุจล่าม
แปลภาพซึ้ง ตรึงรส เป็นบทความ
ให้งดงาม หยดย้อย เป็นร้อยกรอง

บันดาลใจ บรรยายศัพท์ ประดับสรรค์
กลประพันธ์ บรรเจิด ประเสริฐผอง
ทุกทิวา ราตรี กวีครอง
ความสวยผ่อง อำไพ ใสอำพัน

คือแรงฤทธิ์ พิศวาส อำนาจน้อง
ที่มาพ้อง ราตรี กวีขวัญ
จึงเลิศล้น กลกานท์ ปานนิรันดร์
ยกเป็นนาง ในฝัน คือ..ขวัญกวี....


 ***เมฆา...***


ปล.ตามมาแซวมะสะแปร์..อิอิ แลบลิ้น..กวนทีน





ลานดิน – ถิ่นคำ

สิ้นราตรีกวินผินสถาน
ถิ่นวิมานเมืองแมนแดนวิถี
บุษบงบึงคำล้ำวจี
ก่อนราตรีบรรจบพบทิวา

ไอสูรย์ส่องต้องดินถิ่นอักษร
กวีขวัญสัญจรร่อนเวหา
หลังหว่านมนตร์กลกานท์อันตรึงตรา
 คืนนภาประภาสศาสตร์สุนทร

ปล่อยลานดินถิ่นเก่าเปล่าว่างพจน์
ไร้ปรากฎพจนารถประภัสสร
มีเพียงหนึ่งคนดินศิลป์คำจร
มิเอมอรกลอนนางอย่างคนดิน

หยิบประกายนิมิตประสิทธิ์พจน์
ร่างปรากฏกำจายคล้ายหลงถิ่น
เป็นของฝากจากท้าวเหล่าองค์อินทร์
แล กวินนารีผู้ปรีชา

นำประดิษฐ์เรียงถ้อยร้อยพิลาส
ร่ำเรียนศิลป์ศรีศาสตร์ปราชญ์ภาษา
พอประดับขับรสพจนา
มิเท่าฟ้าคู่ขวัญกานท์เมืองแมน

เก็บประกายประพันธ์อันวิจิตร
คล้องประดิษฐ์ด้วยรักประจักษ์แน่น
รอราตรีบรรจบพบดินแดน
กวีขวัญเทียบแทนแผ่นลานคำ

ด้วยที่หลงกว่ากานท์ดังมานว่า
ปรารถนาเพื่อสบพบคืนค่ำ
เพียงเทวินกวีพลีลำนำ
เอกองค์ล้ำสรรพางค์อย่างกวี

..หรือฉันใด.. ยิ้มกวนตีน  มะสะแปค่ะ
26/10/2010ขอบคุณที่มาแซวนะค๊า..  แต่ออมมือหน่อยก็ดีนะ..(อิอิ)  ปวดขี้อ่ะ



  ลานนำ - คำเรียง


กานท์ อักษร อ่อนช้อย ระย้อยยับ
ปานประดับ รับฟ้า ดาราศรี
ยลประพาส วาสนา บุญตามี
ขวัญกวี ร้อยพจน์ ถักบทคำ

 วรรณศิลป์ สูงค่า ราคานัก
 ฉันทลักษณ์ สื่อความ งามเลิศล้ำ
 ดุจเพลงพิณ ถิ่นไพร  ใคร่ลำนำ
 เยี่ยงระบำ รำบาย สายแสงจันทร์

 แลรูปเรียง เสียงฆ้อง ร้องประสาน
 ดนตรีกาล ขานไข ในคิมหันต์
 อย่างไพเราะ เสนาะโสต ล้วนโจษจัน
 ปานเสียงสรรค์ พิณพาทย์ ระนาดกวี

 หาน้อยนัก จักรู้ บูชาศัพท์
 น้อมคำนับ สดับสาร ผ่านวิถี
 แห่งโลกล้ำ คำกลอน ซ่อนนัยที
 ด้วยวจี ร้อยกาพย์ กำซาบใจ

 สรรพางค์ เพ็ญพรรณ อันวิจิตร
 ใช่ลิขิต สิทธิ์เสก เลขมนต์ได้
 ล้วนก่อเกิด กำเนิดมา ศึกษาไป
 แลรู้ใฝ่ ฝึกฝน ยลสุนทร

 คือเอกองค์ คงค่า ประภาแก้ว
 อันเพริศแพร้ว แนวทาง วางอักษร
ให้คนดิน ยินยล  สุคนธ์กลอน
 หลงอักษร อ่อนทรวง ในดวงมาน.....

 ***เมฆา...***

 ปล. มิได้ออมมือ แต่ดันจนสุดความสามารถแล้วขอรับ..อิอิ.. ไม่เอาๆ ยิ้มกวนตีน


สดับเสียง-เรียงคำ


แว่วสำเนียงเสียงกานท์มานสดับ
ลงประทับราตรีคลี่คำขาน
แหวกม่านฟ้าฝ่าจันทร์นิรันดร์กาล
ขับประสานผ่านสรวงล่วงสู่ดิน

เฉกเพลงอินทร์ถิ่นสูงดังฝูงหงส์
ทิพย์บรรจงบรรเลงเพลงถวิล
พลิ้วระย้าอ่อนหวานปานเพลงพิณ
แห่งสายสินธุ์สวรรค์อันวิไล

ระบำคำระย้าคราประพจน์
ทิพย์ปรากฏประพันธ์อันพลิ้วไหว
เย็นอุระดวงมานพลันแกว่งไกว
เทพองค์ใดไหนร่ายสายกวี

สดับโสตโลดแล่นแดนวิจิตร
คำลิขิตแผ่ปราชญ์รัศมี
ดุจน้ำค้างหลั่งหยดรดนที
ผ่านราตรีแผ่ศิลป์ระบิลมา

แลคำเรียงเสียงศาสตร์จัดประดิษฐ์
เนรมิตทิศกานท์อันหรรษา
สำเนียงส่งยินยลต้องมนตรา
กวีขวัญประภาระย้าพราว

หรือสวรรค์กลั่นแกล้งแสร้งรังสรรค์
โปรยประพันธ์สุคนธ์บนห้วงหาว
เย้ยแสงแขแผ่ศิลป์หมิ่นแสงดาว
หรือโลมน้าวดวงมานผ่านราตรี   ยิ้มกวนตีน

"มะสะแป"
26/10/2010
"นี่ก็ดันจวนจะหมดแล้วน๊า.. ทำตา ปิ๊งๆ  ออมมือให้หน่อยค๊า  ปวดขี้อ่ะ



  “ กรุ่นย้ำ – คำจาร ”
 ยิ้มหน้าใส


เสียงศัพท์สาย เซ็งแซ่ แปรอักษร
ตรึงภาพเกล้า เว้าวอน ย้อนวิถี
มานสดับ รับเรียง เสียงวาที
สดุดี เพลงอินทร์ ถิ่นอักษรา

ท้าวเทพไท้ เทวัญ สวรรค์สรวง
กำซาบทรวง สรวลสันต์ สุขหรรษา
ได้ยลถ้อย ร้อยพจน์ รจนา
 จากมนต์ตรา กวีขวัญ บันดาลดล

 เพรียกลีลา โลมเล้า ลำเนาศิลป์
 ร่ายระริน เริงรุก ทุกแห่งหน
 ท่ามเวหา นภา,ธาร หว่านสุคนธ์
 ให้หลงยล ล้นหยาด ศาสตร์สุนทร

 เกินจะหยุด ยับยั้ง หยั่งนิมิต
 จำปล่อยจิต บรรจง หลงสะท้อน
 ต่อแสงแข แลไข ใยอัมพร
 ให้คนกลอน หลงถวิล จินตนา

 หอมละมุน กรุ่นชื่น ระรื่นร่าย
 หลงละม้าย ไม้หอม จอมพฤกษา
 ปรากฎชัด พัฒน์ศิลป์ กลิ่นเทวา
 โปรยประภา เพ็ญพวง ห้วงภิรมย์

 เสมือนมาน มาลย์แม้น เพลินแดนมาศ
 มิพึงพราก จากนิราศ ปราชญ์งามสม
 ยังหลงกรุ่น สุนทรีย์ วจีคม
 ผ่านจันทร์พรม ลมพลิ้ว รอยนิ้วจาร......


***เมฆา...***


ปล. ยังพอเหลืออยู่ อิอิ.... งกจริงๆ



อภิรมย์-คมศิลป์


ดื่มด่ำพจน์พิรุณอุ่นคำฉาย
ดั่งจินต์คล้ายต้องมนตร์ดลผสาน
ลุ่มใหลหลงองค์เทพผู้เสพกานท์
สื่อสำราญผ่านโสตให้โจษจัน

ทิพย์ระนาดกานท์ล้ำย้ำสัมผัส
ปี่พาทย์ชัดกมลถิ่นคนฝัน
พิณเทวีอ่อนหวานผ่านคืนวัน
บรรเลงชั้นเชิงกานท์ผ่านราตรี

พระพายเคลื่อนพลิ้วผ่านลานอักษร
แสงจันทรริ้วลายรำบายศรี
ดารารายขับร้องก้องธานี
สะเทือนแดนฉิมพลีวจีเรียง

อรรถรสรินร่ายฉายเบื้องล่าง
ส่งจินต์กลางลานดินถิ่นรับเสียง
กำซาบหวานโอนแผ่วแก้วสำเนียง
หลับตาเคียงโน้มฟังอย่างภิรมย์

ประกายพจน์ประพันธ์อันเลอสรวง
จากหาวห้วงดาวดึงส์งามซึ้งสม
เคลิ้มรสกานท์เหล่าปราชญ์นิราศพรหม
ประพันธ์คมพรหมอินทร์ปิ่นนภา

คนดินคอยไล้ศาสตร์ปราชญ์นิมิต
ภิรมย์ชิดลานดินถิ่นภาษา
ดับแสงเถิดเทวีสุริยา
ส่งเพลงอินทร์ถิ่นฟ้ามาลานคำ   ยิ้มกวนตีน
27/10/2010

"ยังพอมี๊..เมื่อคืนไปทำการบ้านมาแว้ว ...อิอิ"   ขำแบบกระแดะหน่อยๆ
   ซุบซิบนินทา

  "อนุทิน-จินต์ตรึง"
     
 ยิ้มแฉ่งฟันหลอ
 
 สุรีย์วัตร อัสดง ดำรงสาน
ประดุจวาร ผ่านผัน วันสู่ค่ำ
ลานอักษร  กลอนเชิด กำเนิดนำ
เริงระบำ เพลงอินทร์ กลิ่นประพันธ์

 อนุทิน จินต์ตรึง รำพึงแว่ว
 ประกายแก้ว แววโฉม ประโลมฝัน
 ประคองพลอด กอดคลอ รอแสงจันทร์
 ดื่มอำพัน เคล้าพจน์ รสเพลงกานท์

 สุนทราภรณ์ อ่อนช้อย ร้อยลิขิต
 บรรเลงชิด เชิงชั้น เทวัญสาร
 เสนาะโสต ปราโมทย์ศัพท์ ขับกังวาล
 ก้องสะท้าน ลานคำ ย่ำสนธยา

 อรรถรสรินร่ายฉายม่านหมอก
 ดั่งดวงดอก บุปผชาติ วาสนา
 บานเปล่งปลั่ง พรั่งพร้อม น้อมมนตรา
 รับขวัญฟ้า ขวัญกวี มณีดวง

 อันงดงาม ฉันทลักษณ์ สลักเสลา
 ล่องลำเนา ปานเทพ เสพบ่วงสรวง
 ด้วยคมปราชญ์ วาทศิลป์ กลิ่นร้อยรวง
 บรรเลงล่วง เลยลับ รับจันทร

 ส่งจินต์วาง กลางลาน ประสานศัพท์
 พราวระยับ รับแสง แห่งอักษร
 อาบลูบไล้ ในศาสตร์ ปราชญ์กำจร
 ให้สมพร โสภา จินต์ตราตรึง…

 ***เมฆา...***


ปล. ยังพอไหว แม้ใกล้จะตันแล้ว อิอิ... หัวโขมย

 

อนุทิน-จินตนา

 สาวน้อยค่อยๆอาย

สุริยาอ่อนแรงแสงประภาส
จันทรามาศแก้วเกล็ดเพชรน้ำหนึ่ง
ส่องแสงฉายร่ายรำล้ำคำนึง
พระพายอึงล่องผ่านยังลานคำ

ดารารายเริงฟ้อนพิศอ่อนหวาน
คีตศิลป์แห่งกาลอันดื่มด่ำ
ตั้งท่ารอเพลาเทวานำ
ศรีศิลป์ล้ำกวีคลี่กำจาย

ประทับนั่งตั้งจิตนิมิตศาสตร์
นบพิลาสปราชญ์เรืองเฟื่องสยาย
ประกายศิลป์จินตกานท์ม่านดาวราย
พลิ้วรำบายสายกาพย์ระยับพราว

กลิ่นลีลาวดีคลี่ชวนฝัน
อัศจรรย์พลันโปรยโรยห้วงหาว
เพลงองค์อินทร์พิณรัตน์นิราศดาว
ปรากฏบทพจน์ราวดาวประภา

อรรถรสรินร่ายลายลิขิต
ลงประดิษฐ์งามงดยศภาษา
ปลิวลอยล่องวิมานผ่านเพลา
เป็นบุญตาคนดินถิ่นอรัญ

พจนารถวาดเชิดเกิดประดับ
ระยิบยับอิ่มเอมเกษมสันต์
อนุทินจินต์ซึ้งตรึงประพันธ์
ประดุจอันพชรคละดินลาน


มธุรสบทสรวงทรวงกำซาบ
จินตภาพกวินถิ่นสถาน
เก็บเศษเล็กเสกคำล้ำตระการ
ดลสู่มานชาวดินด้วยสินองค์

นิลกาฬม่านแก้วแผ่วปรากฏ
สิ้นกำหนดราตรีกวีส่ง
ละประพจน์กวินปิ่นบรรจง
เสด็จตรงสถานน่านดาวดึงส์

"มะสะแป"
28/10/2010
"เหมือนข้าพเจ้าจะตันอยู่รำไร...แผ่วแล้ว..อิอิ...หมดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นคะ    เอ้อ..จริงว่ะ"


ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต


  “ อักษรา-กล่อมชน “

มองไม่ไว้ใจ


ถึงสรรเพชญ์ เสด็จองค์ สู่วงศ์สวรรค์
เพลงประพันธ์ ยังตรึก รำลึกถึง
นิทรากาล ม่านหมาย สายคำนึง
สำเนียงซึ้ง ตรึงขวัญ นิรันดร

สนองโสต ศรีสวัสดิ์ พิพัฒน์ศิลป์
เสนาะจินต์ สมศักดิ์ ดวงอักษร
ไพเราะล้ำ คำฉัตร พิพัฒน์พร
เสกสุนทร ขจรจาย ประกายกวิน

คีตะรส พจนา สุนทราลักษณ์
งามยิ่งศักดิ์ จักเกษม เปรมถวิล
ประทับทรวง ปวงชน คนกลอนดิน
เป็นอาจิณ จำเริญ เพลินภิรมย์

ระรวยรื่น ชื่นชม พนมมาศ
แม้นนิราศ นาฏตยา สู่อาศรม
ก็ยังแย้ม ยิ้มยล กลคำคม
จวบบรรทม เทิดทูน จำรูญใจ

จินตภาพ อาบรส เกินกดกลั้น
กวีขวัญ ขัตติยา อัชฌาศัย
เนรมิต จิตฝัน ครรลาไล
แถลงไข ขานขับ สดับจาร

มธุรส ชดช้อย พลอยกำซาบ
เพลินพิลาป รำพัน เทวัญสถาน
ศัพท์ประดิษฐ์ ฤทธิ์ปราชญ์ ฉกาจกานท์
อัประมาณ หาญเทียบ เปรียบเอกองค์

ไพเราะล้ำ คำศรี กวีศิลป์
เลื่องระบิล ถิ่นหล้า ประภาสรง
งามดั่งเกล็ด เพชรล้ำ ธัมมรงค์
ของเผ่าพงศ์ วงฉัตร กษัตติยา

สดุดี กวีขวัญ สุวรรณศักดิ์
ตรึงประจักษ์ แจ่มจันทร์ สุพรรษา
เสกมนต์ผ่าน ลานคำ ด่ำนิทรา
ขับเสภา กล่อมชน คนกวี.....


***เมฆา...***


ปล. ..คำนับดาว เด่นดวง สรวงอักษร.. ยอมแพ้แล้วจ้า


ปราชญ์ดล..ชนตรึงตรา


ครั้งอินทร์พรหมโน้มศาสตร์ปราชญ์เริงร่าย
ระบำสายลายอรรถรัศมี
ขับสุนทรอ้อนจินต์กินรี
โลมน้าวศรีบดินทร์ถิ่นลับแล

กระจายร่ำเกริกดวงสรวงสวรรค์
นิรมิตสิ่งอันประชันแข
โปรยทิพย์พจน์ประพันธ์ดั่งธารแพร
ขยายแผ่ธานินทร์ถิ่นคนจร

แลตระการประพจน์รดรินหลั่ง
เปรียบประดั่งพิรุณกรุ่นเกสร
แห่งกวีศรีกานท์อันบวร
เอกสุนทรนิราศรัตน์เมืองแมน

ทิพย์ศรีปราชญ์ศาสตร์คีตนิมิตสรรค์
บทประพันธ์อันล้ำตามแบบแผน
ฉันทลักษณ์เลิศล้ำข้ามดินแดน
จากบนสู่ดินแผ่นแท่นลานคำ

เฉกหน้าที่หรือกลกมลเทพ
ผู้เที่ยวเสพและสรรค์งานดื่มด่ำ
ให้คนหลงมนตราคราลำนำ
เสพสุขล้ำตามอินทร์โปรยรินมา

ปรารถนาตะวันผันสถาน
รัตติกาลม่านเงาเข้าเวหา
วิงวอนเทพนรินทร์ปิ่นธิดา
ขับเสภาเริงรสประพจน์กานท์

นบพิลาสวันทาเทวาศิลป์
กระแสสินธุ์รินหอมพะยอมสาส์น
เอกองค์ศิลป์อินทร์มณีราตรีกาล
ผู้ขับขานกานท์ทองล่องธารา

สิ้นราตรีองค์อินทร์ผินปราสาท
บันดลปราชญ์กวินรินร่ำหา
ยังคำนึงซึ้งซาบตราบนิทรา
จวบเพลาเวียนวนพ้นอีกวัน
30/10/2010
น้อมคำนับสุริยะประพันธ์ด้วยความนับถือ  ปลื้มจัง
ปล. อิอิ ยิ้มแฉ่งฟันหลอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมสูง

อาคันตุกะ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ถูกอกถูกใจกดไลค์กดแชร์นะคะ