หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

กระแสดัน





กระแสดัน

กระแสอยากแรงขับกับดักจิต
เกาะกุมติดจิตเปราะเพราะจิตแผ่ว
ยึดวัตถุกุเฝ้าเอาเป็นแนว
จับเป็นแถวในมานนั่นแหละคน


ความฟุ้งเฟ้อเกร่อพุ่งมุ่งสะดวก
“อยาก” เหมือนปลวกควักใจให้มัวหม่น
สิ่งยั่วเย้าเร้ามากกระชากวน
ยวนยั่วล้นคนเราเขลาอยากมี

มนุษย์หนอคออ่อนซ่อนความลับ
คอยสร้างกับดักใจในศักดิ์ศรี
หลงวัตถุลุสร้างอย่างเปรมปรีดิ์
คิดว่าดีกว่าใครใคร่ขนมา

เกิดความอยากรักหลงปลงไม่ได้
ต้องเหนือตัวกว่าใครได้มีหน้า
สิ่งโน้นนี้ดีมาก “อยาก” นำพา
เกิดตัณหาคร่าใจใคร่กอบโกย

เกิดกระแสนิยมชมวัตถุ
แรงขับยุให้สร้างอย่างหิวโหย
ใครกระทบความอยากปากโอดโอย
ไม่สนโว๊ย ! ขอฉันนั้นมีพอ

จึงแก่งแย่งแกล้งทำตามความอยาก
บาปเวรลากถึงไหนไม่สนพ่อ !
สร้างความฝันดันอยากกระชากคอ
นรกรอง้อหรือถือทำไม

ทำอะไรก็ได้ให้สมอยาก
นี่แหละปากคนกว้างกร่างใช่ไหม
จึ่งมืดบอดจอดแล้วแก้วธรรมใจ
ยึดกิเลสเหตุใหญ่ให้ลืม “พอ”

05 ตุลาคม 2010


 กระแสดัน  ( อีกแง่มุมหนึ่ง)

สรรพสิ่งใดใดที่ได้เห็น
มักถูกเข็นจากจิตคิดทำหนอ
ภายใต้ “อยาก” ชักสร้างอย่างไม่รอ
เป็นสิ่งก่อกำเนิดเกิดมากมาย

เห็นวัตถุลุเป็นเช่นหลายหลาก
ก็ด้วย “อยาก” มนุษย์มิสุดสาย
แรงจูงใจไล่ขับทัพใต้กาย
มุ่งสิ่งหมายสิ่งหวังจึงตั้งตา

“อยาก” สองอย่างใคร่พิศพินิจตรึก
“อยาก” เป็นศึกคือหนึ่งซึ่ง “ตัณหา”
เกิดกระแสแพร่สินหมิ่นวิชชา
ตะลึงลานไขว่คว้าว่าต้องมี

จะด้วยเล่ห์หลอกลวงบ่วงกรรมสร้าง
หรือเพื่อถางทาง “อยาก”มักเช่นผี
เพื่อตัวเองเร่งขนไม่สน “ดี”
เพื่อสนอง “อยาก” นี้ ให้สมใจ

“อยาก” ที่สองตรองดูรู้ที่เหตุ
ห่างกิเลสตัณหาสักวาได้
แต่ผู้มีคงห่างต่างภายใน
กระแสใสในจิตทิศทางธรรม

“อยาก” รากเง้าเคล้าดีที่  “ฉันทะ”
พอใจละเรื่องตนมิบ่นพร่ำ
พอใจสร้างอย่างศรีพลีประจำ
เพื่อสิ่งล้ำแก่ใครในโลกเรา

คิดถึงคนผู้ด้อยคอยทุกทิศ
ทางชีวิตผู้อ่อนป้อนสุขเขา
เกิดฉันทะ...(เมื่อ) ละโลภ  (แล้ว)โอบโลกเทา
ทางแห่งเงาบังบดก็ลดลง

อย่าหยุดอยากเพื่อทำนำสิ่งสร้าง
ที่สว่างกลางกระแสที่แปรหลง
กระแสอยากจากดันอันบรรจง
น่าดำรงคง”อยาก “หากเห็นงาม

เป็นความเห็นที่อ้างอย่างเขลาเขลา
หากท่านเราใคร่เห็นเป็นคำถาม
โปรดแถลงแจ้งไขในนิยาม
เรียนรู้ตามเรื่องอยากฝากสิ่งดี......ด้วยกัน สาวน้อยเซย์ ฮาโหล
05 ตุลาคม 2010, 05:12:pm »





~อารมณ์กับปาก~

 ยิ้มแก้มแดง

ปากคือยาอาวุธประทุษร้าย
อาจระคายหูนั้นผันหวานได้
หากเพียงสื่อจากจิตจริตใน
จะเปลี่ยนเป็นเช่นใดได้ทั้งนั้น


อาจคือมีดกรีดใจไห้แสบลึก
บั่นรู้สึกตรึกตรองลองดูนั่น
หรืออาจคือยาหอมย้อมใจพลัน
ก็เปลี่ยนผันเลือกใช้ได้แน่นอน



อยู่ที่ฐานของจิตคิดแบบไหน
จะปล่อยลมปากไปไว้ออดอ้อน
หรือปล่อยเพื่อล้างผลาญขั้นบั่นทอน
ยั่วโทสาบ้าหลอนกร่อนใจคน



มีเรื่องปากกับหูอยู่น่าคิด
ธรรมประดิษฐ์สร้างให้ไม่สับสน
หนึ่ง "ปาก" พึงใช้น้อยกลอยกมล
"หู" สองยลให้มากจักเข้าที



ใช้ปากมากผิดหลักธรรมจักสร้าง
จึงเกิดต่างโทสาคร่าจิตหนี
ย่อมเกิดตาม..โทสะทาวจี
ควบคุมใจได้ดีไม่มีคลอน

 ยิ้มแก้มแดง

15/10/2010


มิได้สอนผู้ใดที่ไหนดอก
เราแค่ออกความเห็นมิเน้นข่ม
หากเหลื่อมล้ำคำใดได้ระทม
อย่าพึ่งตรมขอไว้อภัยกัน

จะอ้างกล่าวเล่าคำน้ำใจหญิง
ว่ากว่ายิ่งชิงร้ายให้แสบสัน
กว่าพ่อชายไหนหรือคือยืนยัน
อย่าเพ่อกั้นฟังก่อนใช่ย้อนนา

ชื่อมนุษย์ต่างหรือถือเรื่องเพศ
ในขอบเขตปฏิบัติวัดความกล้า
รายละเอียดปลีกย่อยมิน้อยครา
หากพูดจาออกไปใช่หมดรวง

ไม่อยากถามว่าใครใจหนักกว่า
ใครหมิ่นบ้าปร่าตรมนิยมบ่วง
ชายหรือหญิงจริงใจ ? ใครมักควง?
ใครขี้หวงขี้หึงไม่พึงรู้

รู้ว่าใจคนเราเขลาอ่อนล้า
บอบบางกว่าใดใดในโลกอยู่
สิ่งปะทะคละรุม..ไยอุ้มชู
ซับอดสูเอาไว้ใช้ทำไม

หลอกตัวเองก็ล้ำคำโป้ปด
ซึมซับรสชีวิตจริตไหม้
ยังบอกหวานพานอมขมกลืนไป
แปลกกะไรอย่างนี้นี่คนเรา

ไม่อาจรู้ว่าภาพที่ฉาบเห็น
แปรประเด็นความหวังต่างใจเขา
รับรู้ว่าต่างก็หวังอย่างทำเนา
เพียงจัดเอาใจน้อมยอมรับกัน


 อะไรวะ...งง ว่ะ  เอ้อ..จริงว่ะ 

19/10/2010

"ร้อนเพราะใกล้"





"ร้อนเพราะใกล้"




ทิ้งระยะความห่างอย่างพอเหมาะ
เมื่อร้อนเพราะชิดมากต่างอยากใกล้
บัดรุ่มร้อนอ่อนล้าเมื่อคาใจ
แม้เหตุใด..ไม่ต่างอย่างไฟรน


เมื่ออยู่ด้วยคาดหวังก็อย่างนี้
เหมือนไฟจี้รุมเร้าเข้าสับสน
รักนะรัก..ห่วงน่ะห่วง..ดวงกมล
แต่ไฟรักมักรนเหมือนบนเตา

ทิ้งระยะความห่างอย่างพอดี
ความคาดหวังที่มีก็อย่าเผา
ว่าจะต้องเป็นงั้น,งี้ ที่ชอบเรา
อาจพอเพลาความร้อนอ่อนลงมา

ลดความร้อนร่อนหายได้ไออุ่น
รักละมุนหนุนใจได้คุณค่า
อบอุ่นรักปักไว้ในอุรา
เพียงเพราะว่า “ทิ้งห่าง “ อย่างพอดี

ยิ้มแก้มแดง


13/08/2010

นิยมสูง

อาคันตุกะ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ถูกอกถูกใจกดไลค์กดแชร์นะคะ