หน้าเว็บ

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ณ ค่ำคืนราตรีนี้

 


ณ  ค่ำคืนราตรีนี้



 ค่ำคืนราตรีนี้หวั่นไหว

จินต์วาดให้สุขล้นปนห่วงหา

รอคอยหวังแรงใจให้กลับมา

กับบางสิ่งเวลาคราอัสดง

 

เสียงเรไรแว่วดังวังเวงป่า

อ้อนกล่อมขวัญดาราสาดแสงส่ง

ทิ้งเรื่องกลุ้มรุมร้ายคลายปลงลง

ให้จิตประทับทรงตรงแคร่นอน

 

มองท้องฟ้าดาวปริ่มยิ้มเป็นเพื่อน

นิมิตฉายภาพเตือนเหมือนครั้งก่อน

ยิ้มตราตรึงซึ้งใจในทุกตอน

กับรู้สึกละมุนอ่อนอ้อนขวัญมา

 

แสงหิ่งห้อยคอยส่องทางอย่างหนหลัง

ลมพลิ้วดังห่มนอนผ่อนเถิดหนา

นิมิตหวานผ่านรู้สึกระลึกมา

เมื่อนิทราสงบลงปลงผ่อนคลาย




 

 

 

 

 

 

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2565

“โรตีมิตรภาพ”





 “โรตีมิตรภาพ”


ดีครับนายได้ครับท่านมันมิใช่

เป็นจริตของใครหาใช่ฉัน

คิดจะดีแต่ตนคนเหมือนกัน

ชั่วกลับดันส่งคนอื่นช่างฝืนใจ

 

เป็นหัวหน้าแล้วไงยิ่งใหญ่หรือ

ต่างฝีมือเชิงงานนั้นก็ไม่

แค่มาก่อนเก่ากว่าก็ว่าไป

หลงอำนาจหรือไรไยเสียงดัง

 

อุดมการณ์ลายต่างช่างน่าขำ

มิอยากพร่ำเสวนาเดี๋ยวบ้าคลั่ง

หลบมื้อเที่ยงเลี่ยงหน้าระอาจัง

หาที่นั่งกินโรตีดีต่อใจ

 

บังเดขายโรตีมีหลายหลาก

อร่อยมากกรอบดีแถมมีไส้

อยู่หน้าตึกเดินดูอยู่มิไกล

ซื้อสองชิ้นใส่ไข่ใบโตโต

 

บังเดดูเซียวซีดกระบิดก้น

ดูลุกลนหน้ายู่อยู่มากโข

มือตบแป้งแรงหายร่างกายโซ

มิแคล้วโร่วิ่งแจ้นแล่นเข้าใน

 

บังเดดูเซียวซีดกระบิดก้น

ดูลุกลนหน้ายู่อยู่มากโข

มือตบแป้งแรงหายร่างกายโซ

มิแคล้วโร่วิ่งแจ้นแล่นเข้าใน

 

จึงเอ่ยถามตอบด้วยช่วยตอบด่วน

เห็นวิ่งทวนม้วนหลังช่างสงสัย

เหงื่อแตกพลั่กตัวเย็น “บังเป็นไร”

“ท้องเสียไง” ตอบคำทำโรตี

 

เทียววิ่งโร่ออกเข้าเราสยอง

ตบแป้งสองมือมันคั้นถี่ถี่

ลูกค้าเยอะมากมายดูขายดี

คิดก็รี่ปรี่หวนทวนวันวาน

 

ห้องน้ำบังเคยใช้..ไร้สายล้าง

แกใช้อ่างกะขันนั่นล่ะท่าน

เล็บของบัง..เหล่ชำเลือง..เอ่อ..เหลืองบาน..

โรตีคงขอผ่านฉันขมคอ

 

เปลี่ยนม้วนห่อกลับไปในออฟฟิศ

เดินเดินคิดเสียดายทำไงหนอ

ผุดแผนชั่วหัวหน้านั่งหน้างอ

ให้ไปเลยสองห่อหนอทำเนียน

 

“โรตีครับหัวหน้าซื้อมาฝาก

เห็นยุ่งยากมากมายไร้คนเปลี่ยน

โรคกระเพาะถามหามาเยี่ยมเยียน

กระเพาะเพี้ยนปวดท้องเดี๋ยวร้องครวญ”

 

เดินกระหยิ่มยิ้มเยาะเลาะกลับที่

งดโรตีดีไปกลัวไส้ป่วน

สาแก่ใจยิ่งนักอยากยียวน

วางกระบวนอวดชั้นนั่นเป็นไง

 

นึกนึกไปก็ขนพองสยองหยี

หัวหน้ากินโรตีที่ยื่นให้

เลิกเลิกคิดมิปลื้มลืมลืมไป

ช่างปะไรไยสนคนบ้าบอ

 

มาอีกวันหัวหน้ามาทายทัก

เงื่อแตกพลั่กหรือรู้อยู่แล้วหนอ

ขนลุกพองมองหน้าฉันกล้าพอ

กล้าทำก็กล้ารับนะครับนาย

 

มาอีกวันหัวหน้ามาทายทัก

เงื่อแตกพลั่กหรือรู้อยู่แล้วหนอ

ขนลุกพองมองหน้าฉันกล้าพอ

กล้าทำก็กล้ารับนะครับนาย

 

หัวหน้ารี่ตบไหล่ใกล้ต้นแขน

อันความแค้นดูบางแทบจางหาย

หัวหน้าเอ่ยขอบใจให้มากมาย

ตอนหิวข้าวตาลายได้โรตี

 

มีงานยากมากความทำทำแก้

ลูกค้าก็ตั้งแง่แท้นักนี่

ต่างคนต่าง..หิวข้าวปลา..แถมราวี

ใกล้ระเบิดพอดีโรตีมา

 

โรตีที่อร่อยพลอยคลายหิว

งานก็ชิวผ่านง่ายไม่หนักหนา

ลูกค้าชมอร่อยนักอยากให้พา

ไปเยี่ยมหาชมชิมลิ้มสักวัน

 

หลายปีแล้วทำงานประสานมิตร

ดูสนิทงานฉลุยลุยสนั่น

อยากขอบคุณเหตุการณ์ผ่านมานั้น

ให้รู้จักแบ่งปันนั่นจึงดี

 

เหตุโรตีเหหักรู้จักให้

จึงพบความยิ่งใหญ่ในวิถี

ยิ่งให้ยิ่ง..ได้รับกลับไมตรี

ยิ่งให้จึงยิ่งมีทวีคูณ

 

ปกิณกะภาษากลอน

•191063•

 



            จากเค้าโครงเรื่องสั้นในขายหัวเราะเมื่อสามสิบปีก่อน...ค่ะสามสิบปีก่อน และไม่ใช่โรตี จากเรื่องสั้นแบบความเรียง ผู้แต่งนำมาเรียงร้อยใหม่ในรูปแบบกลอนสุภาพ หรือกลอนแปด หรือกลอนฉันทลักษณ์ตามแบบแผนทางภาษาค่ะ


ขอบคุณที่ติดตามฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ 💋

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ฟ้าไร้ดาว

 


ฟ้าไร้ดาว



คืนลมพัดสำเนียงเสียงคนเหงา

กระทบเร้ากมลถึงคนเซ่อ

ฟ้ากระจ่างพร่างพราวเฝ้าละเมอ

กลับมิเจอดาวใดในคืนนี้  


เผยอมองดาวเจ้า..เราคอเคล็ด

มิอาจเด็ดเอื้อมถึงซึ่งรัศมี

ปรารถนาอุ่นไอในราตรี

ขอดาวคลี่ไอรักจักเมตตา  


มิอาจหยุดคำนึงรำพึงเพ้อ

รู้เสมอดาวเจ้าเปล่าหายหน้า

หากมิมองเห็นดวงช่วงเวลา

เพราะเมฆาบังบดลดแสงดาว  


แม้ดาวอยู่ที่เก่ายังเศร้าอยู่

ด้วยฉันผู้เดียวดายมิคลายหนาว

อาจหม่นนานแสนไกลใช่ชั่วคราว

จมปลักทุกข์นานยาวใครเข้าใจ  


ยินสายลมพรมเหงาเฝ้าผืนฟ้า

ประหนึ่งท้าดาวเดือนเคลื่อนสั่นไหว

แต่มิเห็นแสงดาวพราวอำไพ

จะปลอบใจฉันนี้ไม่มีเลย

 

กลอนต่อ อ่านเพิ่มเติมที่นี่ คลิกเบา ๆ จ้า

ปกิณกะภาษากลอน


วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2565

"อย่าห้ามรัก"



"อย่าห้ามรัก"


ความรักฤาเพียงเว้นเช่นกาหงส์

หรือบรรจงวงศ์เขตเทเวศก์ไหน

แบ่งด้วยชั้นวรรณะประเทศใด

แบ่งหัวใจให้แยกแปลกดวงมาน


เป็นรู้สึกที่เกิดกำเนิดรัก

หากเสียหลักทางใจไร้ทางผ่าน

ก็เหมือนสิ้นจินต์หมองต้องร้าวราน

กว่าประหารให้ม้วยด้วยศาสตรา


เมื่อรักล้นคนอ่อนซ่อนความพ่าย

แม้ความตายมาใกล้ให้ผวา

จะลงทัณฑ์ให้ช้ำย่ำวิญญาณ์

ใช่ตัดไฟปรารถนาลาง่ายดาย


แม้เพียงสิทธิ์ได้รักประจักษ์จิต

ประหนึ่งชุบชีวิตฤทธิ์รักฉาย

พี่ไม่รักไม่โศกโลกวางวาย

แต่ต้องตายหากปรามห้ามใจกัน



ปกิณกะภาษากลอน



วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565

อยากรู้จัง...

          วันนนี้มาในแนวปลอนเปล่า กลอนไร้ฉันทลักษณ์กันบ้างค่ะ 

เป็นกลอนที่เขียนไว้นานแล้ว และจะมีหลายกลอน หลายที่จะนำมารวบรวมที่นี่อีกครั้งค่ะ

เพื่อจะได้ค้นได้อ่านสะดวกมากขึ้น


อยากรู้จัง...

คนที่ขายของแบบน้ำขึ้นรีบเบียดเบียนตัก...
มันรวยมั้ย??
.
.
โรคร้ายมา..ยาเลยแพง
ราคาข้าวแกงแรงตอนอดอยาก
.
มาม่า..แรงตอนน้ำหลาก
จากห้าบาทฟาดถึงสามสิบ
.
แมสกระดาษผ้า..ราคาวิ่ง
ชีวิตใกล้ดิ่งกลิ้งดับลิบ
.
กำไรวับวิบวับวิบ
จะหยิบอยู่ได้กี่กำมือ
.
แอลกอร์ฮอล์ขวดละแปดบาท
แม่ก็ฟาดซัดห้าสิบ
.
คนจนเหงื่อซิบๆ
เกินคว้าหยิบมามาดูแล
.
ของขายย่อมเอากำไร
แต่ควรใช่ขูดเลือดไหมแม่
.
ราคาผกผันแปร..
ตามกระแสอยากจะเอา
.
ขายกัน..แพงเข้าไป
บัดตายไวใคร่จะเผา
.
ใช้ไม้ถ่าน..ซื้อบ้านเรา
ท่อนละพัน..ของมันแพง
.
เอาน่าจงเข้าใจ
อัคคีภัยไฟป่าแรง
.
ของขาดน่ะ..พ่ออีแดง
เปลี่ยนตำแหน่ง..แบ่งกันรวย😁
.
.
.
เมื่อเราซื้อเราจะเป็นลูกค้า เมื่อขายเราก็เป็นพ่อค้าแม่ค้า..ขายมาซื้อไป ขายไวไปซื้อเธอ..
.
.
.
เข้าใจเอาเองนะ  พี่ก็แม่ค้า..ขายตามเรท
หมดก็หมด....อยากได้อะไรไว้ใช้ก็รีบจองไม่ตุนจ้ะ
..
#กลอนเปล่า
#ยุคข้าวยากหมากแพงมาแต่เกิด
#ยุคที่covid19น่ากลัวจนรันทัดยังไม่คดเท่าใจคน

😂

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565

บัว




🕯️ #บัว 🕯️

💝

ดั่งดวงแก้วบุษบาประภัสสร

กลางสาครนทีที่หลั่งไหล

แง้มกลีบบานม่านฟ้าทาบทาใบ

ชโลมใจชโลมหล้าทั่วธานี

 

บานยืนหนึ่งกลีบใบไหวชูก้าน

เบ่งกลีบบานท้าแดดแผดรัศมี

เปล่งปัญญาหาญกล้าด้วยอารี

ตื่นรู้ที่ตัวตนพ้นอัตตา

 

ลีลาสองกลีบใบไหวเริงรื่น

พร้อมรู้ตื่นด้วยเพียรเปลี่ยนปัญหา

จรุงจิตรู้แจ้งแห่งปัญญา

อรุณฟ้าครารุ่งก็พุ่งบาน

 

พลิ้วดอกสามงามล้ำดำผุดว่าย

กำลังกายใจมั่นหมั่นผสาน

เจิดจรัสงามช้า..ยังตระการ

แลไม่นานเกินรอจะยอยล

 

ระบำบัวสี่เล่าเจ้าบัวน้อย

ประหวั่นคอยนานเกินประเมินผล

เผลอเพลี่ยงท่าปลาเต่าเฝ้าเวียนวน

เกรงจะพ้นหรือไม่ให้พะวง

 

บัวจะงามงามล้ำธรรมชาติ

ให้ดื่นดาษผื่นน้ำตามประสงค์

ด้วยหัตถาปรานีที่วางลง

บัวก็คงบานได้หลายเหล่าบัว

 

#ปกิณกะ🥰

 


☘️บัวก็เลือกเกิดในเหล่าบานสะพรั่งไม่ได้ทุกดอก

คนปลูกประคบประหงมดูแลให้งามรอดพ้นพร้อมบานได้..แม้ในเวลาต่างกันบัวก็มีโอกาสที่จะงาม

.

แม้นจะมีใต้โคลนสักดอกโผล่พ้นไม่ได้..นั่นก็ด้วยชาติกำเนิดที่บัวก็ไม่ได้เลือก...คนปลูกก็สุดเอื้อมดึง..จึงปล่อย..วาง..🍃 



วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2565

"ดอกรักบนยอดงิ้ว"



"ดอกรักบนยอดงิ้ว"



ใครหรืออยากปีนงิ้วชันลิ่วสูง
ด้วยทาสรักชักจูงให้ยุ่งเหยิง
ปล่อยหัวใจตกต่ำระบำเพลิง
เมาระเริงกาเมเล่ห์ความรัก

จิตอันซ่อนอ่อนไหวใต้วงกต
ทางเคี้ยวคดลดหลั่นกั้นสลัก
ดูวุ่นวายวนเวียนอิดเอียนนัก
คราจูงชักดึงเร้าเรื่องคาวใด

พบหน้ากันครั้งแรกก็แปลกอยู่
พิศเสียงดูรู้เห็นเป็นแบบไหน
เพ่งท่าทางอย่างนั้นอันหวามใจ
ตรองนิสัยใคร่หลงดงมายา

กลิ่นกายอันยวนเย้าเร้ารู้สึก
ในสำนึกดึงไว้ใช่แน่นหนา
คือมนุษย์ผุดว่ายใต้เวลา
ของกามาม่านงิ้วพลิ้วรำบาย

ความรักบานม่านตาเลือนพร่าบอด
รักบานยอดปลายงิ้วเป็นทิวสาย
มิรู้หนามแหลมตำทำระคาย
ยลยอดปลายตาพิศหวังปลิดครอง

ป่ายปีนทั้งร่างกายที่ไหวเปลี้ย
หนามไล้เลียทิ่มแทงแหยงสยอง
หวังเชยชิดปลิดดอกออกเรืองรอง
เหมือนรักมีเจ้าของจึ่งหมองตรม

เป็นความบาปหรือผิดที่คิดรัก
ติดกับดักหัวใจไม่เหมาะสม
คงไม่ผิดหรอกรักหากแค่ชม
แต่คงล่ม "เพราะทำ" ย้ำบาปรัก

 

15012011

ปกิณกะภาษากลอน

 

หายเพราะอัพบล็อกใหม่ลงใหม่นะคะ

อ่าน "มาลัยดอกงิ้วริ้วลายดอกรัก" 

ดั่งต้นไม้ใบหนามหนา

ดั่งต้นไม้ใบหนามหนา






จะอิจฉากันถึงไหนใจมนุษย์

จึงหมายฉุดกันเองให้ล้มคว่ำ

เพียงเพื่ออยากบินสูงกว่าเป็นผู้นำ

เลยเหยียบย่ำใครใครให้ต่ำลง

 

ดั่งเป็นต้นไม้ใบหนามหนา

ย่อมไร้ค่าแก่กาหงส์

หนามแหลม-ดก-นกบินตรง

ไม่เกาะลงหนามไหญ่ให้ระคาย

 

เฉกเช่นคนเป็นหัวหน้า

อวดฤทธาบ้าอำนาจด้วยมาดหมาย

ดัชนีชี้สั่งช่างอันตราย

คนย่อมกลายผ่านไปไม่ศรัทธา

 

ปกิณกะภาษากลอน

 



วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565

เพราะครูขี้ขลาด

 

โบว์ขาวเจ้าเด็กดื้อ


จากข่าวและลองทบทวนจากส่วนลึก ของคนหนึ่งซึ่งอยู่ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง

ว่าจริงๆแล้ว  เรากล้ามากพอเท่าเด็กหนึ่งคนในยุคนี้แค่ไหน หรือความจริงแล้ว เราเอาความปรารถนาของเราไปใส่ในความคิดเด็กให้เขาเป็นแบบนั้น

ข่าวอะไรไปสืบเองเด้อ

บทกลอนนี้ก็คิดไปไม่ใช่เรื่องของใครสักคนดอก เป็นแนวคิดตามประสา  โปรดอย่าไปโยงใครให้มาต่อยตีกับคนเขียน เข้าใจบ่ ตีต่อยใครไม่เป็น

ถ้ากล้าเข้ามา สู้เด้อ เอาปากกาจิ้มตาเลยหนา ^.^!

 


เพราะครูขี้ขลาด

จึงกระหน่ำไม้ฟาดสาดเนื้อเจ้า

เหตุมิควรสังคมว่าเจ้ามัวเมา

หลงความเขลาเจ้ากล้าท้าสภา

 

เจ้าถูกปล้นความฝัน

ครูก็เคยถูกบั่นการศึกษา

แต่หากหัวหดบดวาจา

มิหาญกล้าเท่าเทียมจึงเจียมใจ

 

แม้นอหังการ์หัวใจมันใหญ่ล้น

ทว่าครูคนขี้ขลาดบังอาจไม่

สอนลูกศิษย์กล้าหาญชาญชัย

แล้วผลักเจ้าออกไปหน้าชายแดน

 

โบว์สีขาวเจ้าขาวบริสุทธิ์

เปรียบประดุจนำ้ค้างหลั่งเกินแสน

อาจจะเพื่อล้างหน้าคนบ้าแทน

ผู้ใหญ่อันแร้นแค้นแก่นนักรบ

 

ครูหม่นคนโลกเก่า

หลบมุมเสาดูห่างอย่างสงบ

ดูปากกาผูกโบว์ขาวคราวออกรบ

ช่างดูห่างต่างภพแสนไกลเกิน

 

เพราะครูมันขี้ขลาด

จึงพลาดทวงธรรมอันขาดเขิน

สอนลูกศิษย์กล้าฝ่าฟันดั้นเผชิญ

แต่ครูเดินไม่ถึงซึ่งศรัทธา

 

 

ทั้งรักทั้งห่วงและแอบชื่นชมปนสงสัย..

 

ปกิณกะภาษากลอน

 


นิยมสูง

อาคันตุกะ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ถูกอกถูกใจกดไลค์กดแชร์นะคะ