หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

นางใจ..ในแสงไต้





"กล่อมนางใจ..ในแสงไต้?"


๐ ธาตุต่างสิ่งไหวคู่อยู่เบื้องหน้า
หนึ่งน้ำตารินไหล-สองไต้เต้น
กระชากใจชายหนึ่งถึงทรุดเอน
ลอบปาดเร้นหยาดชื้น..เฝ้าฝืนมัน


๐ แสงวับไหวไฟโชนอาบบนหน้า
ฉาบอนงค์ดารา..ตาสวรรค์
ในยามนี้นัยน์ชุ่มสุมชีวัน
กุมสไบผืนฝันอันคุ้นเคย

๐ ดอกน้ำตาคอยหน่วงสู่ห้วงช้ำ
พี่ถลำชิดนางอย่างเปิดเผย
กุมมือน้องที่รัก!แสนอยากเปรย
ประคองเจ้าทรามเชย..เผยทาสรัก

๐ ปล่อยพี่เช็ดน้ำตา!เถอะอย่าขืน
เชิญสะอื้นปล่อยมา..ตรงหน้าตัก
เปิดหัวใจออกมาอย่าหยุดพัก
ยึดเอาหลักอกพี่นี้ระบาย

๐ พี่จะกล่อมจอมใจท่ามแสงไต้
มือจะไล่..ริ้นยุงที่มุ่งหมาย
จะเช็ดปรางพรางไล้ด้วยใจชาย
โอบกอดกายด้วยร่างอย่างป้องนวล

๐ ขอสิทธิ์รักดูแล..แม้เพียงนิด
อาจจะผิดสุดรักหนักกำสรวล
หลับเถอะนะคืนนี้..พี่เพื่อนครวญ
หลั่งนัยน์อวลปนบ้าง..อย่างน้อยใจ..

  (พี่ระนาดเอกค่ะ)
 

เสียงครวญ..นางใจในแสงไต้ @

กุมสไบสะอื้นฝืนเจ็บปวด
ความร้าวรวดปวดข่มตรมสั่นไหว
น้ำแห่งเนตรเพชรงามท่ามแสงไฟ
หลั่งลึกในท่วมท้นปนอาวรณ์

ไล้สองแก้มแต้มพักตร์ประจักษ์ทุกข์
เข้าโรมบุกหัวใจให้โหยอ่อน
สะอื้นครวญร่ำไห้ใจขาดรอน
ให้ทุกข์ร้อนย้อนขยี้พลีแหลกลาญ

สองมือพี่กอดน้องประครองปลอบ
สัมผัสตอบมอบใจกายไหวซ่าน
รู้บ้างไหมใจท้อทรมาน
เหมือนวิญญาณสิ้นแล้วพี่แก้วเอย

ไม่อยากคิดสิทธิ์เหลือเมื่อพรุ่งนี้
เมื่อไร้แขนของพี่พลีเขนย
คืนต่อไปใครปลอบมอบเหมือนเคย
สุดยากเปรยเอ่ยคำรำพันครวญ

พิศมองหน้าพี่เจ้าเศร้าอ่อนล้า
บรรจงเช็ดน้ำตาครากรรมหวน
รู้สึกเก่าเร้าร้อนซ่อนรัญจวน
ด้วยนุ่มนวลตราตรึงซึ้งอาลัย

กอดน้องไว้ให้แน่นในแขนพี่
ก่อนคืนนี้ลับไปในแสงไต้
ขอซบแนบแทบตักพักหัวใจ
ก่อนแสงไฟสีนวลด่วนมอดลง

เคลื่อนกายเข้าเคล้าแนบแอบกายพี่
ก่อนพรุ่งนี้มาเยือนเหมือนฟ้าส่ง
สิ้นแสงไต้หลั่งโศกวิโยคปลง
อธิษฐาน..มั่นคงรัก..ภักดิ์นิรันดร์  

 ( มะสะแปค่ะ) 
02/07/2010

 ก่อนจากลา น้ำตานอง ลงสองแก้ม
กลางแสงแจ่ม แห่งไต้ ในคืนหวั่น
สองคลุกเคล้า เคลียคลอ พ้อรำพัน
สุดตื้นตัน วันจาก พรากเนื้อนวล

เฝ้าจุมพิต ชิดชม ดมกลิ่นหอม
ดอกพยอม ยามค่ำ เฝ้ากำสรวล
สั่นสะทก อกสะท้าน สราญรวน
เสียงคร่ำครวญ หวนไห้ ดั่งไต้ปลิว

ไต้ไหม้ลาม ตามกาล มานานเนิ่น
สองเพลิดเพลิน ปลดปล่อย ลอยละลิ่ว
เมฆตั้งเค้า เงาสลัว ทั่วเป็นทิว
ฟ้าเริ่มกริ้ว แปลบปลาบ อาบลมบน

เจ้าหนาวสั่น พลันกอด ทั้งออดอ้อน
เบียดกายร้อน ซุกไซ้ พาใจหล่น
สไบบาง ผืนน้อย จึ่งลอยวน
ดั่งต้องมนต์ กฤษณา มาดลใจ

เสียงหรีดหริ่ง เรไร ระงมร้อง
ฟ้าคะนอง ฝนปรอย ลบรอยไถ
ปฐพี เลื่อนลั่น สนั่นไพร
พิรุณไล่ ช้างป่า มากลางดอน

เจ้ากรีดร้อง กลัวฟ้า นิจจาเอ๋ย
ดั่งมิเคย ตากฝน จนตกหมอน
พี่กอดน้อง เนื้อนวล ชวนอาวรณ์
ฝนเปียกปอน ไต้ดับ ไปกับลม

ซับน้ำตา นางใจ ไต้มอดแล้ว
โอ้ นางแก้ว แสนงาม ยามสู่สม
ขอสั่งลา ฟ้าสาง น้ำค้างพรม
ขอเชยชม นางใจ จุดไต้รอ

  ( ลุง ปรางค์  สามยอด  ค่ะ )

@ ให้แสงไต้นำทางพี่ยา @

แสงไอศูรย์กรุ่นรับดับแสงไต้
ประหวั่นใจในกาลอันสั้นหนอ
เหมือนชีวินสิ้นหายในแสงทอ
ชะตากรรมค้ำคอท้อระทม

หยิบสไบคลุมกายไล้ร่างนวล
สะอื้นครวญหวนไห้ใจขื่นขม
มองพี่ยาปร่าปวดรวดร้าวตรม
ดั่งทุกข์ถมจมถึงบึ้งวิญญาณ์

พี่ประครองป้องนวลกำสรวลสั่น
สะอื้นกลั้นวันจากพรากดวงหน้า
อีกไม่นานกาลนี้พี่จะลา
น้องโหยหาคร่ำคราญป่วนดวงมาน

สุริยากล้าครอบรอบแผ่นดิน
เวลาสิ้นถดถอยคอยส่งสาส์น
บอกถึงคราวคราพรากจากสิ้นกาล
มิอาจทานวิโยคโศกใดแล้ว

หยิบเรือนผมก้มไล้ให้เรือนบาท
นบพิลาสวาดลงตรงองค์แก้ว
กายาสั่นเคว้งคว้างอย่างรู้แวว
ประทับแน่วไล้กอดพลอดเรือนกาย

จะจุดไต้รอวันพี่หันกลับ
ร่างที่ลับล่วงผ่านวิญญาณหมาย
เดินตามทางแสงไต้ในทางราย
ให้ถึงปลายแห่งหอหนอพี่เอย

อธิษฐานขอบุญเคยหนุนสร้าง
โปรดไขทางเจ้าข้าอย่านิ่งเฉย
ส่งแสงไต้ให้ทางพี่อย่างเคย
นางใจเอ่ยเปรยธิษฐาน     กาลนี้ 

( มะสะแปค่ะ )
 26/07/2010
 นางเอกร้อยไห้ นางเอกร้อยไห้               ... ทำตา ปิ๊งๆ

สิ้นแสงไต้

เห็นแสงไต้เรืองรองหน้าห้องเจ้า
ดั่งหนึ่งเฝ้าคอยพี่สู่ที่หมาย
รอร่วมเรียงเคียงหมอนพักผ่อนกาย
อยู่เดียวดายสายัณห์จะมาเยือน

ต้องจำพรากจากเจ้าก่อนเช้าตรู่
ขวัญพธูดวงใจใฝ่คอยท่า
ต้องเร่งรุดทำงานหว่านถั่วงา
กลับคืนมาสู่ห้องท่องฉิมพลี

เงาวูบวาบแสงไต้ผู้ใดหนอ?
พะเน้าพะนอคลอคู่เข้าจู๋จี๋
ฤาเจ้ามีใครมายามราตรี
ปวดฤดีเจียนบ้า..! ฆ่าเลือดเย็น..!

โอ้ แสงไต้คืนนี้มีอาถรรพ์
เจ้าแบ่งปันรักใหม่ให้มองเห็น
ไยต้องมีแสงไต้ให้ลำเค็ญ
รักกระเด็นร่วงผล็อยถูกลอยแพ

ต่อแต่นี้ไม่มีแสงไต้แล้ว
เจ้าดวงแก้วอำพรางหมดทางแก้
กลางแสงจันทร์พันดาวสกาวแด
เหลือเพียงแต่เสาไต้ให้ตำตา
  
ขอจีบ...ได้ป่ะ
  
ปรางค์  สามยอด




"นางใจครวญ"

ลมกรรโชกโยกเรือนเหมือนพายุ
แรงปะทุกระท่อมล้อมทุกท่า
หยิบสไบห่มร่างพลางกายา
รีบตั้งตาปิดเรือนเลื่อนลงกลอน
นั่งมองแสงแห่งไต้ไล้ลมต้อง
ฟ้าคะนองไต้เต้นเป็นเปลวว่อน
ท้าสายลมขรมฟ้ามิรารอน
ฤาจะพับหลับนอนได้ตอนใด

เสียงกรีดร้องของฟ้าดังว่าปวด
ฟังร้าวรวดปวดลึกรู้สึกได้
กรีดทะลวงแทบขาดบาดทรวงใน
ปานจะป่นหัวใจให้ทรมาน

ยกมือสองป้องโสตมิลดหวั่น
ตระหนกสั่นกำสรวลหวนคืนหวาน
ครั้งเมื่อพี่อยู่องค์คงเมื่อวาน
บัดนี้เหลือเพียงกาลอันทารุณ

เสียงกรีดร้องของนางดังแข่งฟ้า
ก้องคำรามเมฆาพายุหมุน
อกโหยหวนป่วนเศร้าราวแหลกจุล
เมื้อสิ้นบุญคนเคียงเพียงชั่วยาม

สิ้นแล้วมือคอยซับดับความทุกข์
กรรมโหมบุกรุกเร้าเคล้าเคราะห์หาม
พิศแสงไต้ต่อรองประครองตาม
โปรดอย่าดับแสงงามในยามนี้

คอยพี่กลับเรือนเราอย่างเหงานัก
แสงแห่งไต้ไฟรักจักอยู่นี่
คอยนำทางให้แล้วแก้วชีวี
โปรดกลับมาหาที..นางใจรอ

สาวน้อยหัวเราะ
 masapaer
03/09/2010

ปล.ลุงปรางค์ตาฝาดไปแล้วคร๊าบ....นางใจรักมั่นมิคลาย  ....     

ซึ้งจัง
  



"เราจะข้ามเวลามาพบกัน"


เมฆเคลื่อนคล้อยลอยต่ำพรำหลั่งสาย
พิรุณรายใต้กาลผันเกิดก่อ
เสียงฟ้าหวนครวญคร่ำน้ำตาคลอ
 ตั้งจิตขอเทวานำพานาง

เมื่อสิ้นแล้วแก้วจงลงกำเนิด
ภพหน้าเถิดเห็นพี่ที่สว่าง
ขอสัญญานแห่งไต้ได้นำทาง
ประจักษ์กลางภพใหม่ไท้เทวา

ดลดวงมานนิรมิตประสิทธิ์พบ
อธิฐานบรรจบพบโลกหน้า
เดชะบุญหนุนเกื้อเอื้อนำพา
ดวงวิญญาณ์ผ่าภพประสบองค์

...............................................

กรีดนิ้วกรายจีบวาดพิลาสลักษณ์
ร่ายรำกวักลีลาคราคีตส่ง
ชำเลืองเนตรกรีดกรายย้ายอนงค์
ทิพย์ระนาดวาดทรงองค์ดนตรี

ยุรยาตรอย่างหงส์บรรจงฟ้อน
องค์เอวอ่อนย้อนกลับรับเสียงปี่
สีนวลอ่อนฟ้อนหวานผ่านเวที
เหมือนดั่งมีมนตร์ใดในภวังค์

เทพใดมองจ้องลึกรู้สึกหวั่น
พิศประจัญดวงหน้าแววตาขลัง
แรงดึงดูดภูตใดใช้กำลัง
เข้าเหนี่ยวรั้งรู้สึกนึกหวามใจ

หยิบพานแก้วแล้วโปรยโรยบุปผา
ปลิวระย้าหน้านางอย่างหวามไหว
มองลอดผ่านม่านบุปผาคราร่วงไป
แววเนตรนี้..คือผู้ใด..คลับคล้ายตา


 สาวน้อยหัวเราะ
27/09/2010

ขอบคุณพี่ระนาดเอกและลุงปรางค์ สามยอดค่ะ
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ

"แค้น"







"แค้น"

อกสะอื้นกลืนช้ำยามเธอพราก
เหลือสิ่งฝากรอยช้ำเธอทำให้
หมดเวลาเรียกร้องต่อรองใจ
จะหันหลังจากไกลโดยไม่ลา


ได้แต่นิ่งตะลึงซึ้งความแสบ
มันเสียวแปลบลึกในให้ร้อนฉ่า
เมื่อเธอมีแค่ลวงพ่วงวาจา
สร้างรักมาหลอนรุมอย่างคลุมเครือ

กำมือเดือดเลือดแล่น ! แค้นประกาศ!
จองอาฆาตทำลายไม่ให้เหลือ
อยากเอามีดกรีดใจไปแช่เกลือ
ทุกครั้งเมื่อเห็นเธอเพ้อถึงใคร

เธอเดินจากหันหลังพังรักเจ็บ
คนถูกเหน็บเก็บซ่อนความอ่อนไหว
แค้นคับอกหมกกลุ้มดั่งสุมไฟ
ฝังวิญญาณฉันไว้ในความคลั่ง

ค่อยค่อยกรีดรีดภาพอาบด้วยแค้น
กรามกัดแน่นแสนช้ำยามหมดหวัง
กดทะลวง!จ้วงรักหักสิ้นพัง!
ไร้พลังชีวิตสิทธิ์แค่มอง

ได้แค่คิดเก็บงำกำความทุกข์
ใจไม่ปลุกลุกทำย้ำความหมอง
ยังคงรักในรอยแค้นแม้นไพ่รอง
ถึงร่ำร้อง....ทรมาน..ฉันยังรัก!

 สาวน้อยหัวเราะ

30/04/2010

“ ถอย ? “




“ ถอย ? “

คงต้องจบรักร้าวในคราวนี้
ทั้งทั้งที่เพิ่งเริ่มเติมรักได้
ยังมิทันเดินก้าวเข้าทางใจ
เธอก็ลาหน้าไกลไม่ใยดี


ใจเร่าร้อนอ่อนล้าปร่าความหมอง
เกินประครองเยียวยาก็ครานี้
เกิดคำถาม “ความเจ็บเหน็บกี่ที
กับใจที่โหยหาว่าควรพอ”



เดินทางใจไขว่คว้าหาความรัก
แต่กับดักทางใจสร้างไว้ล่อ
ตกหลุมพรางขังรักที่ถักทอ
กับขวากหนามที่ก่อรอทำลาย



สายตาเธอเหมือนมีดที่กรีดเถือ
ลงเศษใจเหลือเหลือเมื่อแพ้พ่าย
เธอลาจากพรากรัก!กระอักตาย!
อาดูรย์เปลี่ยวเดียวดาย..ตาย..ช่างมัน !



คนอ่อนแอแพ้พ่ายในแรกเริ่ม
สิ่งประเดิมลงไปใช้ความฝัน
กับชีวิตที่เหลือเชื่อใจกัน
ต้องมาบั่นมลายในมือเธอ



คงต้องจบความรักฉากสุดท้าย
หยุดความตายเธอยื่น...ฝืนเสมอ
ถอยฉากรักปักหมุดหยุดละเมอ
หยุดปรนเปรอเพ้อรัก !..แม้จากใคร !



 ยิ้มให้จ้ะ

14/08/2010

นิยมสูง

อาคันตุกะ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ถูกอกถูกใจกดไลค์กดแชร์นะคะ