หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

~พรปีใหม่~



~พรปีใหม่~


วัฏจักรกาลเวลามาบรรจบ
เถลิงภพครบรอบขอบดิถี
เวียนวรรษาวาระรอบธานี
สู่โสมศรีปีใหม่ในปฏิทิน



สุริยะจักรวาลผันเปลี่ยนศก
พรดิลกประสิทธิ์นิมิตศิลป์
เจิมประภาหล้าแจ้งแห่งธานินทร์
ทั่วแคว้นถิ่นเมืองรัตน์ร่มฉัตรแดน

นำมาลัยประดิษฐ์วิจิตรน้อม
ศิระค้อมน้อมไหว้ใจมั่นแม่น
ขอพรชัยจตุรพิธลิขิตแทน
ประทับแน่นอวยชัยให้มงคล

พระพุทธานุภาพก้มกราบแก้ว
อันผ่องแผ้วจำรูญจงหนุนผล
ส่งสวัสดิ์น้อยใหญ่ให้ปวงชน
เทวาดลรักษาทุกคราไป

พระธรรมานุภาพขอกราบก้ม
เป็นมิ่งพรหมดวงตามรรคาใหญ่
กระแจะแต้มจุณเจิมเสริมโชคชัย
สวัสดิสมัยในเร็ววัน

พระสังฆานุภาพก้มกราบน้อม
ศรัทธาพร้อมเกื้อหนุนบุญส่งมั่น
เป็นปราการเทเวศร์เขตป้องกัน
ต้านภัยอันตรายอย่ากรายมา


ทิพย์พรชัยไตรรัตน์อันประเสริฐ
พิสุทธิ์เกิดเรืองโรจน์โปรดรักษา
ขออัญเชิญมิ่งขวัญอันโสภา
ประดิษฐานอุราชนะพาล

ขอเดชานุภาพด้วยกราบแล้ว
เป็นมิ่งแก้วมิ่งขวัญอันผสาน
ป้องอุปัทวะชนะมาร
อภิบาลปวงไทยให้สวัสดี.

สวัสดีปี ๒๕๕๕  ประสบสุขสมปรารถนากันทุกคนค่ะ...

(กลอนเข้าประกวด ชนะเลิศ ที่เว็บบ้านกลอนไทย ประจำเดือน ธันวาคม  ๒๕๕๓ )




วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เธอคนใกล้..ไม่เหมือนเดิม


"เธอคนใกล้..ไม่เหมือนเดิม"


ยังรอเธอตรงนี้ตรงที่เก่า
ลอบดูเงาเคลื่อนไหวไล้ลมแผ่ว
ประหวั่นใจคล้ายหมอกบอกวี่แวว
เหมือนดวงแก้วของใจคล้ายห่างลา


เธอเคยคลอมือสอดกอดข้างหลัง
กระซิบยังอ่อนไหวใจโหยหา
ยิ้มรับสรวลในกอดตลอดมา
บัดนี้หรือเวลาสร้างกลลวง

กำหนดใจให้รออย่างประหวั่น
กุมมือสั่นหวั่นไหวใจแทบร่วง
กลัวตัวเราหมดค่าราคาควง
ใจสองดวงอาจคลายในสันพันธ์

ที่ตรงนี้ของเราที่เฝ้ารัก
ต่างทอถักรักงามตามความฝัน
แต่รู้สึกส่วนในไยห่างกัน
ลางสะบั้นบอกไว้ในเงาเธอ

เธอคนใกล้ไกลห่างอย่างช้าช้า
มันเสียวแปลบอุราตาพร่าเอ่อ
หรือที่ผ่านคือเงาเราละเมอ
บ้าหลงเพ้อคว้าเงาเอามาครอง

เธอคนใกล้..ไม่เหมือนเดิม..เริ่มใจท้อ
ใจที่รออย่างหวั่นพรันเศร้าหมอง
หมดเวลารักเราที่เฝ้าปอง
หรือมีใครเฝ้าจองคล้องใจแทน
 
 
มะสะแปค่ะ
 28/08/2010


 

ฝันสลาย


"ฝันสลาย"

ฝันแอบฝันมั่นไว้ในดวงจิต
หากชีวิตมิหมองต้องห้อยโหน
เราคงเพลินในสุขทุกข์มิโดน
ฝันไกลโพ้นล้นต่อมล้อมดาวดึงส์        ยิ้มกวนตีน


มีเธอคอยดูแลแหมน่ารัก
ให้ฉันคอยหนุนตักมากคิดถึง
ส่งดอกไม้ให้นะ..อ๊ะ  !ตราตรึง
คอยรำพึงถึงคำพร่ำรักเรา      โฮ่ะ ๆๆๆ

จะเป็นลมล้มลงตรงเข้าโอบ
มิใช่โลภนะใจ..อยากใกล้เขา
คอยเอาใจไม่ขาดมาดไม่เบา
ตามเป็นเงาเทคแคร์แหม...ชื่นใจ   หน้าโคตรลามกน้ำยายไหย

กรี๊ด..! แหวนเพชรเม็ดโต้โก้ไม่หยอก
เธอรีบบอกมานี่พี่ซื้อให้
นั่นก็เก๋เหล่เบนซ์.."เป็นไรไป
จะเท่าไหร่ให้น้องไม่ต้องกลัว"
  โฮ่ะ ๆๆๆ

เสียงสนั่นลั่นห้างต่างก็หัน 
"เธอคือใครไหนกันอย่าดันมั่ว
พ่อตัวร้ายมานี่หนีหายตัว
ทำลิ้นรัวหลอกใครให้ระอา"
   โกรธว๊อย

ได้แต่มองจ้องเงาเขาไปแล้ว น้อยใจแถมบ่น
ทิ้งแม่นางตาแป๋วแห้วแล้วหวา ทำตา ปิ๊งๆ
ดีไม่โดนอรหันต์หัตถามา
ฝันสลายต่อตา...ว๊า !...เสียดาย  ( จัง)  ยิ้มกวนตีน   

10/09/2010


หัวเราะเยาะ

ของสะสม






วันเวลาผันผ่านมานานเนิ่น
ดอกเบี้ยเพลินทบต้นเกินทนไหว
สะสมภาพความช้ำความเป็นไป
บานตะไทดอกช้ำก็ยามนี้

เรื่องเก่าใหม่ใครแยกให้แปลกนัก
สะสมรักอันช้ำยามหมองศรี
แม้เนิ่นนานผ่านไปไกลข้ามปี
กลับทวีความเจ็บเหน็บตามทัน

สะสมไว้อย่างนั้นก็พลันเพิ่ม
จากเท่าเดิมเพิ่มค่าอุราหวั่น
ทวีคูณทบต้นผลของมัน
แต่ให้ฉันทิ้งไปไม่อาจทำ

เป็นส่วนหนึ่งของใจไปเสียแล้ว
เป็นทิวแถวแนวใจให้ถลำ
เป็นของฝากฝังไว้ในทรงจำ
เป็นสิ่งล้ำเลอค่าคราเปิดชม

มีความหอมกล่อมหวานซ่านสัมผัส
เป็นประวัติความงามที่ตามข่ม
มีความเจ็บเหน็บล้าปร่าระทม
มีสิ่งตรมมีเศร้าเฝ้าขมกลืน

เปิดกำปั่นหัวใจใช้สะสม
ความระทมตรมรักกระอักฝืน
เศษที่เหลือของใจไม่หวนคืน
เก็บสะอื้นชื่นชมให้สมใจ

"มะสะแป..เช่นเคย"
15/10/2010

คนฟั่นเฟือน



คนฟั่นเฟือน
 เวรกรรม เจงๆ

ยืนตัวทื่อรื้อใจไขไม่ออก
สิ่งที่เห็นเค้นยอกซ้ำหลอกหลอน
ภาพวิวาห์พาหวั่นจิตสั่นคลอน
เมื่อทุกตอนฉากนี้ไม่มีเรา


น้ำตารินหยาดแก้มแต้มเลอะหน้า
บัดดวงตาเหม่อหม่นของคนเศร้า
ปากกลับยิ้มหัวเราะแบบเยาะเอา
จมกับทุกข์มัวเมาคว้าเงาใจ

เสียงโห่ร้องก้องโสตกดประสาท
วิปลาสฟั่นเฟื่อนเฉือนเผาไหม้
คำสัญญาของเธอเลอะเลือนไป
ทิ้งรักเก่าเราไว้ให้ลับลา

เสียงสะอื้นกลืนลบกลบความหลัง
เมื่อภาพครั้งเก่าก่อนย้อนคืนหา
ผุดเยาะเย้ยกระหน่ำซ้ำอุรา
ให้วิญญาณ์ร้อนเร่าเศร้าทรมาน

เสียงกระหน่ำซ้ำหนักทักคนบ้า
คนตราหน้าฟั่นเฟือนเหมือนประหาร
อยากลืมว่าเป็นใครในวันวาน
ไม่อยากรับคำขานสงสารนั้น

คนฟั่นเฟือนเลือนโลกโศกสนิท
แต่มิปิดหัวใจอันไหวหวั่น
ให้บ้าบอต่อเลือนเบือนนิรันดร์
แต่ใจฉันนั้นไยไม่ลืมเธอ

"มะสะแป"

25/10/2010

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หมู่ไม้ไร้ภมร



"หมู่ไม้ไร้ภมร"

เป็นบุปผากลีบงามแค่ยามเช้า
ภมรเฝ้าดมดอมพะยอมป่า
สิ้นกลิ่นหอมรสหวานก็ผ่านลา
มิชายตาแลเยือนเหมือนวันวาน



เป็นดอกไม้ไม่หอมไม่ย้อมกลิ่น
เฝ้าถวิลภมรซ้อนรักหวาน
เมื่อบุปผาลาร่วงตามห้วงกาล
เธอก็หว่านกลีบโรยโปรยทิ้งดิน

ใช่อยู่หรอกดอกไม้มากมายนัก
ภมรเจ้าปีกรักจักโผผิน
ปีกสยายทายท้าถลาบิน
ไปทั่วถิ่นดงทิวริ้วผกา

เที่ยวบินชมดมดอกทุกซอกซ้อน
ทำกะล่อนซ่อนชู้หมู่บุปผา
เบื่อดอกเดิมทิ้งไกลไปไม่มา
เมื่อโรยรากลิ่นอ่อนภมรไกล

~มะสะแป~
10/11/2010

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จำใจ จำยอม เพราะจำเป็น

จำใจ จำยอม เพราะจำเป็น

 สาวน้อยหัวเราะ

สิ้นทางรักหักพ่ายให้ยอมแพ้
ใจอ่อนแอแพ้รักกระอักหนอง
ยอมจำนนให้เธอเพ้อลำพอง
มิผยองหัวใจให้จำกลืน


เหลือแต่ความร้าวรวดที่ปวดแสบ
มันเจ็บแปลบแสบล้นระคนฝืน
เป็นฝันร้ายคร่าสุขในทุกคืน
รินสะอื้นขื่นใจให้จำทน


อยากจะลบลาภาพที่อาบรัก
ก่อนปฏักปักทรวงทะลวงผล
เกินจะฝืนกลืนไว้ในกมล
แม้หมองหม่นรนร้องต้องจำยอม


อดีตรักกักขังทั้งหน่วงเหนี่ยว
เกาะกุมเกี่ยวจองจำทำผ่ายผอม
จำฝืนเก็บเย็บแผลแม้ตรมตรอม
ใจประนอมต่อรักที่หักลวง


จำใจจากจำยอมพร้อมจำนน
มิฝืนทนจำพรากรักติดบ่วง
จำลาแล้วรักเก่าเราทั้งปวง
จำยอมห้วงกระอักเพราะรักทำ


อยากจะถอดหัวใจไปจำหน่าย
จะฝากขายที่ไหน..อย่าได้ขำ
รับหัวใจหลุดรักหักจองจำ
รอจำนำความแสบแบบเอาคืน...


..แบบจำเป็น  อิอิ   ยิ้มแฉ่งฟันหลอ


แต่มั่วได้ใจมิน้อย.. เวรกรรม เจงๆ      
18/11/2010

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

~นับดาว~



 

~นับดาว~

 สาวน้อยค่อยๆอาย

หนึ่ง  สอง  สาม  งามสายประกายพรึก
สี่ห้าหกย้ำตรึกผนึกหวาน
เจ็ดแปดเก้าเร้าใจตรึงในมาน
เด่นตระการน่านฟ้าแลน่ายล


สิบ,สิบเอ็ดเพชรนิลจินดามาศ
เลอพิลาสประกายในเวหน
ที่ร้อยสองต้องจินต์เสกศิลป์ดล
ที่ร้อยห้า..กะพริบวน..กลเทวา ?

สองร้อยสิบหยิบเงาดาวมาร้อย
ประพันธ์สร้อยคอยอินทร์ถิ่นเวหา
สามร้อยแล้วแก้วสรวงดวงดารา
หยิบจันทรา..อุบะเด่น..เพ็ญประกาย

สี่ร้อยเก้าเขาลืมหรือไรเล่า
ห้าร้อยสองต้องเหงาเราใจหาย
หกร้อยเจ็ดเพชรฟ้า..ล้ารำบาย
เจ็ดร้อยกลายดาวดับนับอีกที

แปดร้อยสามถามใจไยสับสน
นับเวียนวนคนคอยเริ่มถอยหนี
เก้าร้อยเก้าหาวแล้วแก้วฤดี
หนึ่งพันนี้ทิวาจะมาเยือน

นั่งนับดาวใช่ดาวที่พราวนึก
ภาพผนึกคือเธอเสมอเหมือน
พักตร์จรัสบังมิดปิดดาวเดือน
นับดาวเลื่อนเคลื่อนย้ายไปหน้าเธอ

หนึ่งหมื่นแล้วแก้วขวัญจันทร์ลาลับ
ดาราขับราตรีทำทีเผลอ
ปล่อยดาวดินถิ่นดงหลงละเมอ
รำพันเพ้อนับดาวรอเขามา




๑..๒..๓.....๗...๔...๒....๗....ฮ้าว!     สาวน้อยค่อยๆอาย
“มะสะแป”


~ไม่ต้องตอบก็ได้..นะ~



~ไม่ต้องตอบก็ได้..นะ~



ระยะห่างทางไกลใครขีดกั้น
ให้เธอฉันห่างเหินเดินไม่ถึง
มีเพียงเหงาเศร้าปร่าคราคำนึง
เฝ้ารำพึงถึงฝันวันเวลา


 

คิดถึงนะคราพรากจากไกลห่าง
เหงาอ้างว้างบ้างไหมใจห่วงหา
หนาวหรือไม่อย่างไรรีบไขมา
หรือร้อนกว่าที่ใดเมื่อไกลกัน

อยู่อย่างไรคนดีมีสุขไหม
เหนื่อยหรือไม่งานหนักพักหน่อยนั่น
ห่วงเสมอส่งใจไปทุกวัน
ฟ้าจะกั้นเราห่างแค่ทางกาย

เวลานอนห่มผ้าหนาอุ่นไหม
กำลังใจใฝ่สู้กู้สิ่งหมาย
ที่ฉันส่งตรงไปให้มากมาย
อย่าเปล่าดายอาวรณ์ที่ร่อนไป

อยากจะถามบางอย่างบ้างอยู่หน่อย
ว่าเธอคอยรำพึงถึงฉันไหม
อย่าพึ่งตอบก่อนฉันนั้นเอ่ยนัย
ว่าเท่าไรใจฉันนั้นคอยเธอ

ไม่ถามเธอดีกว่าอย่าตอบนะ
แม้เธอจะคิดถึงซึ้งหรือเผลอ
เพียงรู้แน่แค่ฉันฝันละเมอ
คิดถึงกันเสมอมิเผลอใจ



13/11/2010





วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กลอนที่เขียนไม่ได้

Comment - เหงาจัง: 3

@  กลอนที่เขียนไม่ได้  @





บรรจงเขียนเพียรลิขิตทิศอักษร
กลั่นบทกลอนอ่อนไหวให้อ่อนหวาน
กำหนดบทจดความตามแนวกานท์
หวังสืบสานงานกวีศรีของไทย

บรรจงร้อยเรื่องราวเฝ้านิมิต
ในทุกทิศคิดเขียนเวียนแต่งได้
ด้วยศรัทธาธรรมรัตน์ปรัชญาใด
สอดแทรกไปให้คุณหนุนวิชา

อันความเหงาเรามีมากอยากจะเขียน
ด้อยความเพียรเขียนคำที่ล้ำค่า
เขียนพอไหวใคร่ต่อขอเวลา
จึงมีบ้างบางครามาให้ยล

กลอนบทโศกโรครักถูกหักทิ้ง
เขียนเก่งจริงนิ่งคอยหน่อยเห็นผล
ความรู้สึกเก่าก่อนย้อนกมล
เหมือนเล่นกลดลใจใส่ในกลอน

อันเรื่องรักพอมีที่ได้แอบ
ในหัวใจคับแคบแทบผุกร่อน
แอบรักเขาเราล้าอุรารอน
ย่อมได้บ้างบางตอนกลอนเบาเบา

เขียนกลอนรักมักกลุ้มรุมเสมอ
เป็นเรื่องเพ้อ..เธอ - ฉัน..กลั่นความเหงา
ความวาบหวามซึ้งใจได้แค่เงา
ไม่มีกลอน "ของเรา" เหงาก็ทน

คงเขียนกลอนรอรักมักแอบแอบ
รอเธอแนบแอบใจให้สักหน
ก่อบทรักปักไว้ในสองคน
อาจเลิกหม่นเขียน "กลอนรัก" ได้สักที





วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เหงา เศร้า คิดถึง


@   เหงา..เศร้า..คิดถึง  @

หลับตาฟังเสียงลมที่ห่มร่าง
ไล้กายนางแพรพลิ้วปลิวลมหวน
หยั่งรู้สึกสะท้านผ่านรัญจวน
อกคร่ำครวญกลางไพรในค่ำคืน



พิศแสงจันทร์รำลึกนึกภาพเก่า
ฉายทาบเงาเบื้องบนปนสะอื้น
เก็บความเศร้าเหงาช้ำอย่างกล้ำกลืน
น้ำตารื้นเต็มอกหากตกใน


ณ แห่งนี้ที่เดิมเคยเติมรัก
เคยหนุนตักพักพิงอิงหลับใหล
เคยประคองพรอดพร่ำรำพันใจ
แต่สิ้นแล้วเยื่อใยในบัดนี้


สองมืออุ่นเคยโอบประคบร่าง
บัดนี้ห่างร้างไกลให้หายหนี
เพราะเหตุกลายใจเวียนเปลี่ยนฤดี
หรือลืมแล้วแก้วพี่ที่เคยเยือน


หยิบแพรบางผืนพลิ้วปลิวลมต้อง
ห่มกายหมองกระชับกลับพลันเลื่อน
ดังลมพัดหอบรัก หัก,คลาย,เลือน
มิต่างเหมือนลมผ่านพลันกลับกลาย


โอบกอดร่างกายนี้ที่หนาวลึก
กับรู้สึกคร่ำครวญป่วนใจหาย
สองมือตนค้นสอดกอดเรือนกาย
แทนกอดชายที่รัก..เขาจากลา


26/08/2010


สาวน้อยหัวเราะ


วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

พระเอกเงา




~ พระเอกเงา ~

 ยิ้มแบบรักนะ..

กว่าจะกลั่นคำพ้องคล้องประพจน์
กว่าจะจดละเมอต้องเพ้อฝัน
กว่าจะได้หนึ่งแง่แต่ละวัน
ต้องนั่งปั้นอารมณ์ผสมใจ


กว่าประดิษฐ์คิดสร้างช่างตลก
ต้องละเมอเพ้อพกอกสั่นไหว
จนแอบเพ้อเผลอบ้างอยู่ข้างใน
เลยคิดไกล...เหมือนฝันนั้นคงดี

จะกี่บทจดไว้ในหลายฉาก
เพียงหนึ่งอยากให้เห็นเป็นจริงนี่
คือบทรักถักทอหวังขอมี
ได้แต่แอบแนบนี้ที่คำนึง

จะกี่บทละครในกลอนฉัน
เพ้อรำพันหวานเศร้าเหงาคิดถึง
จะบทโศกโรครักปักตราตรึง
กี่รำพึงออดอ้อนกลอนของเรา

จะกี่เรื่องผูกถ้อยร้อยความฝัน
จะกี่พันกลั่นกลอนตอนเปลี่ยวเปล่า
แต่พระเอกของฉันนั้นคือเงา
สมมติเอาประหนึ่งถึงตัวคน

จะมีใครไหนบ้างต่างรู้เห็น
ในประเด็นเรื่องราวเอาฝึกฝน
พระเอกเจ้าของใจไร้ตัวตน
เป็นแค่เงามืดมนคนละคร



07 กันยายน 2010


วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปลายทางรัก..ของเรา


๐ ปลายทางรัก..ของเรา ๐



รักของเราเริ่มต้นบนฟากฝั่ง
ข้างหน้ายังเหมือนห่างอย่างเกินฝืน
รักหนึ่งเดียวเกี่ยวใจ..ไยกล้ำกลืน
ต่างจุดยืนแนวคิดจิตบอบบาง

เหมือนลงเรือเดินทางกว้างไกลนัก
เราสองจักหวังพายให้สะสาง
ผลเช่นไร?..เมื่อรักชักเลือนราง
ดูจืดจางทางรักแทบหักงอ

หัวเรือเขวเป๋ทางอย่างประหวั่น
เพราะต่างฝันทางรักชักเริ่มฝ่อ
มองหาทิศเส้นชัยไกลเกินรอ
หมดแรงถ่อเรือพายเหมือนสายไป

ในลำเรือเราสองประครองรัก
ไม่ประจักษ์บางสิ่งจริงแค่ไหน
สิ่งที่สร้างร่วมกันมันอะไร
เป็นหน้าที่ หรือหัวใจ ? ในลำเรือ

ร่วมทางเดิน..หรือทางรัก..ชักไม่แน่
ต่างมีแง่แนวทางต่างความเชื่อ
เส้นทางรักอันเดิมเริ่มคลุมเครือ
แทบไม่เหลือเงาใจในสองคน

กลางลำเรือต้นรักชักไหวหวั่น
แรงหนึ่งดัน..แรงหนึ่งยั้ง..อย่างสับสน
น้ำเชี่ยวกรากลากเราเข้าวังวน
เกรงอับจนหนทางดูลางเลือน

กี่วันพายปัดเป๋เซเข้าฝั่ง
อาจถึงยังเป้าหมายท้ายสุดเหมือน
แต่ขณะ..เดินทางใจ..ใคร่บิดเบือน
ดั่งสัญญาณสั่นเตือนเลือนรักลา

01/12/2010

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ดาวอับแสง





~ดาวอับแสง~

 สาวน้อยค่อยๆอาย

แสงสวรรค์สรรค์สร้างสว่างหรือ
แสงไฟสื่อสีสันร้อยพันสาย
ดอกนีออนซ้อนเหลื่อมกระเพื่อมพราย
กลบดาวรายเกลื่อนฟ้าแสงลาจาง


หลากสีสันแต่งแต้มแซมเมืองใหญ่
ตระการใจใครคนยลเมืองกว้าง
แสงดาราหม่นหลัวมัวเลือนราง
แนบซอกใจมีบ้างหรืออย่างไร

แสงสีนวลชวนมองไยหมองหม่น
เช่นบางคนหม่นมานนั้นไฉน
กี่เพลาดาวเมืองเรืองแสงไกล
จะดับไฟมืดลงตรงราตรี

ให้แสงนวลน้อยหนึ่งพึงกะพริบ
หวังกระซิบแสงแลแม้ริบหรี่
เพียงโอกาสวาดฝันอันน้อยมี
สู่ใจเธอคนดีนี้เพียงคราว

ณ  เบื้องบนดาดฟ้าราตรีล่อง
เธอจะมองท้องถนนหรือบนหาว
มองที่ใดไฟส่องหรือมองดาว
ที่แสงจางรอคราวดาวอับแรง

คงจะมีเพียงฝันอันน้อยหนึ่ง
ไฟเมืองถึงซึ่งคราวดับเงาแสง
หวังเพียงเธอมองดาวคราวฟ้าแปลง
รอแสดงแสงนวลยวนใจเธอ..

...แค่นาที..


"มะสะแป..ค่ะ"
8/12/2010



วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทาสหัวใจ


* ทาสหัวใจ *

ต้องจำยอมทั้งทั้งเธอรังเกียจ
ซ้ำประณามหยามเหยียดเกลียดก็เพ้อ
ยอมทุกอย่างสร้างรักถักปรนเปรอ
น้ำตาเอ่อเกร่อล้นทนรับเอา




เธอชี้นิ้วกริ้วสั่งไปข้างหน้า
ฉันก้าวขาว่าตามย้ำคำเขา
เธอบอกล้ม...ลุก..คลาน,ฉันมัวเมา
เจ็บรุกเร้าประดังพังยับเยิน

ออกกฏห้ามเลิกถามความสงสัย
ก็ทำได้โอนอ่อนผ่อนนานเนิ่น
หวังเพียงใกล้ใจภักดิ์รักเหลือเกิน
แม้เผชิญสายตาพร้อมฆ่ากัน

นอนผวาคราตื่นฝืนใจข่ม
เก็บช้ำตรมจมดิ่งทิ้งในฝัน
กลับหลอนหลอกยอกย้อนค่อนคืนวัน
แทรกเข้าบั่นหั่นรัวตรงขั้วใจ

ทรมานพล่านสุมรุมคับอก
ไฟนรกหมกผลาญระรานไหม้
พิษรักซ่อนกร่อนกัดมัดเพียงไร
บาดลึกในตายลงยังคงรัก

แล้วเมื่อฉันคนนี้ที่ขี้ขลาด
ยอมเป็นทาสของเธอจึงเพ้อหนัก
แต่รากใจให้ฝังหยั่งลึกนัก
ไม่อาจหัก...ถอนไถ่..ให้คืนมา

22/04/2010


 ยิ้มให้จ้ะ

 

นิยมสูง

อาคันตุกะ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ถูกอกถูกใจกดไลค์กดแชร์นะคะ